Engoo บล็อก เรียนภาษาอังกฤษ

5 วิธีเรียนคำสแลงภาษาอังกฤษให้จำได้ ใช้เป็น แบบความหมายไม่เพี้ยน

5 วิธีเรียนคำสแลงภาษาอังกฤษให้จำได้ ใช้เป็น แบบความหมายไม่เพี้ยน

เคยไหมที่ได้ยินคนพูดประโยคที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่กลับรู้สึกงงว่า “เอ๊ะ ที่พูดมามันหมายถึงอะไรนะ?” นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังเจอ “คำสแลง” (Slang) ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ไม่ได้มีความหมายตรงตัวเหมือนในพจนานุกรม และพบได้ทั่วไปในเกือบทุกภาษา

ลองดูตัวอย่างง่าย ๆ:

  • “I saw a picture of my newborn niece and almost died.”

คำว่า "died" ในประโยคนี้ไม่ได้หมายถึงการเสียชีวิตจริง ๆ แต่เป็นการอธิบายความรู้สึกที่รุนแรงมาก ๆ ซึ่งในบริบทนี้หมายถึง “น่ารักจนแทบจะทนไม่ไหว”

  • “I killed it at my final exam!”

ส่วนประโยคนี้ คำว่า "killed it" ก็ไม่ได้หมายถึงการฆ่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ แต่เป็นสำนวนที่บอกว่า “ทำได้ดีมาก” หรือ “ประสบความสำเร็จอย่างมาก”

คำสแลง แทรกอยู่ในหลากหลายบริบทของการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวัน ชีวิตการทำงาน หรือโลกออนไลน์ ดังนั้น เพื่อให้คุณใช้งานและตอบสนองต่อการสื่อสารที่มีคำสแลงได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการเรียนรู้คำสแลงที่จะช่วยให้คุณไม่ตกเทรนด์และนำคำสแลงไปใช้ได้อย่างถูกต้องโดยที่ความหมายไม่เพี้ยน

1. ดูรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมหรือกำลังเป็นกระแส

ย้อนไปในอดีต งานของเชกสเปียร์ทำให้เกิดการบัญญัติคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางมาจนถึงปัจจุบัน แต่ทุกวันนี้ คำสแลงใหม่ ๆ ในภาษาอังกฤษมักจะมาจากรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม

ยกตัวอย่างเช่น Seinfield และ The Office นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเรียนรู้ศัพท์สแลงแบบอเมริกัน 

ทั้งนี้ รายการโทรทัศน์จำพวกละครและซีรีส์เป็นเพียงตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น โดยคุณสามารถเรียนรู้คำสแลงจากรายการทอล์คโชว์ รายการกีฬา และรายการข่าวต่าง ๆ ได้ด้วย

และถ้าหากคุณได้ยินคำสแลงจากสื่อที่เสพแล้วไม่มั่นใจว่าหมายถึงอะไร คุณก็สามารถจดเอาไว้เพื่อนำไปถามคุณครูระหว่างคลาสเรียนกับ Engoo ได้

2. อ่านบทความออนไลน์

นอกจาก ภาพยนตร์และโทรทัศน์แล้ว คำสแลงจำนวนมากในภาษาอังกฤษยังก่อเกิดจากโลกอินเตอร์เน็ตอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโซเชียลมีเดีย พื้นที่ที่คนจำนวนมากสื่อสารกันอย่างกว้างขวาง

แอปพลิเคชันและเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น Instagram, Bluesky, Twitter และ Reddit เป็นแหล่งเรียนรู้คำศัพท์และสำนวนการแสดงออกใหม่ ๆ ที่ยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้งานเว็บไซต์จำพวกพจนานุกรมศัพท์สแลง เพราะถึงแม้ว่าเว็บไซต์เหล่านั้นจะมีประโยชน์ แต่ข้อมูลส่วนมากที่โพสต์อยู่ในนั้นเป็นเพียงเรื่องตลก และไม่สอดคล้องกับการใช้งานในโลกความจริง

กฎหนึ่งข้อที่ควรจดจำให้ขึ้นใจ คือ อย่าจดจำความหมายของคำสแลงเป็นคำ ๆ เหมือนเวลาท่องศัพท์ แต่ให้เรียนรู้จากบริบทด้วยการอ่านบทความออนไลน์ แล้วตรวจเช็คความเข้าใจกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา

3. ติดตามเรื่องราวข่าวสารในปัจจุบัน

คำสแลงใหม่ ๆ มักจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปจากปกติ เช่น คำว่า “Blursday” ซึ่งหมายถึง “อาการหลงวันลืมคืน” ได้รับความนิยมในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผู้คนจำนวนมากต้องอยู่ติดบ้านไม่ได้ออกไปไหน จนจำไม่ได้ว่าวันนั้น ๆ เป็นวันอะไร 

อีกตัวอย่างหนึ่งคือคำว่า “staycation” (การท่องเที่ยวอยู่ในเมืองที่อาศัยโดยไม่มีการเดินทางไกล) ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง

ในการทำความเข้าใจคำศัพท์ประเภทนี้ (รวมถึงอารมณ์ขบขันที่ซ่อนอยู่ในนั้น) คุณจะต้องเข้าใจบริบทที่มาด้วย ดังนั้น อย่าลืมติดตามข่าวสารความเป็นไปในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือความบันเทิง เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์จนพลาดคำสแลงใหม่ ๆ

4. สอบถามผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่เชี่ยวชาญ

ภาษาคือเครื่องมือที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน ดังนั้น ในเวลาที่มีข้อข้องใจเกี่ยวกับใช้ภาษา การสอบถามผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์อย่างมาก 

และต่อไปนี้คือเหตุผลที่เราควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญ เมื่อมีปัญหาในการเรียนรู้คำสแลง:

  1. คำสแลงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น คุณจึงควรพูดคุยกับเจ้าของภาษา เพื่อตรวจสอบว่าศัพท์แสงต่าง ๆ ที่คุณได้เรียนไปนั้นล้าสมัยแล้วหรือไม่
  2. คำสแลงบางคำใช้งานแค่ในบางกลุ่มอายุเท่านั้น (เช่น “delulu” ที่หมายถึง “การมโนไปเอง”) การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณเข้าใจในรายละเอียดของคำสแลงนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น และสามารถหลีกเลี่ยงการใช้คำสแลงที่ไม่เหมาะกับอายุของตนเองได้
  3. คำสแลงบางคำใช้งานกันในบางพื้นที่ โดยกลุ่มคนบางกลุ่ม ดังนั้น หากคุณไม่ใช่คนในกลุ่มนั้น ๆ การนำคำสแลงเฉพาะกลุ่มไปใช้งานอาจกลายเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือหยาบคายได้ (เช่น คำสแลงที่ใช้เฉพาะกลุ่มคนผิวดำ เป็นต้น)

จงจำไว้ว่า แม้คุณจะพบเห็นและเรียนรู้ความหมายของคำสแลงนั้นผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ หรือ โซเชียลมีเดีย ก็ไม่ได้ความหมายคุณจะสามารถหยิบคำสแลงนั้นมาใช้ได้ เพราะฉะนั้น คุณควรสอบถามเจ้าของภาษาหรือค้นหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเรียนรู้บริบทโดยรอบของคำสแลงนั้น ๆ ให้กระจ่างก่อนนำไปใช้ด้วย

5. อย่าฝืนใช้จนเกินธรรมชาติ

แน่นอนว่าการทำความเข้าใจคำสแลงเป็นเรื่องสำคัญ แต่คำสแลงเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่งของภาษา ไม่ใช่หัวใจหลัก ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลว่าใช้คำสแลงน้อยแล้วการสื่อสารจะฟังดูไม่คล่องแคล่ว ไม่ต้องฝืนใช้คำสแลงเยอะ ๆ เพื่อโชว์ความเก่งกาจ เพราะมันจะทำให้คุณดูไม่เป็นธรรมชาติเอามาก ๆ

กลับกัน สิ่งพื้นฐานอย่างสำนวน กริยาวลี และวิธีการประกอบกลุ่มคำและประโยค เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติเสียยิ่งกว่าคำสแลงเสียอีก

ขอเพียงเรียนรู้และพัฒนาทักษะในการพูดอย่างเป็นธรรมชาติผ่านการสื่อสารกับคนจริง ๆ อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะสามารถพัฒนาสไตล์การพูดและลักษณะการใช้งานคำสแลงที่เหมาะกับบุคลิกของตัวเองได้ไม่ยาก 

สรุป

สุดท้ายนี้ การเรียนรู้คำสแลงไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีแหล่งเรียนรู้ที่ถูกต้องและมีคนช่วยชี้แนะ และถ้าคุณต้องการเรียนรู้คำสแลงจากเจ้าของภาษาตัวจริง คุณสามารถลองเรียนรู้จากบทเรียน Slang Around the World ของเรา หรือค้นหาคุณครูที่มาจากประเทศต่าง ๆ ได้เลย

ขอให้สนุกกับการเรียนคำสแลงใหม่ ๆ นะคะ