อยาก “ฝึกพูดภาษาอังกฤษ” จากหนัง แต่ฟังไม่ออก เริ่มต้นยังไงดี?
หลายคนอยาก "ฝึกพูดภาษาอังกฤษ" จากหนัง เพราะเป็นคนชอบดูหนัง และคิดว่าเป็นวิธีที่ง่าย
แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า ฟังอะไรไม่ออกสักอย่าง จนท้อ เลยสลับไปเป็นพากย์ไทย แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นนอนดูหนังชิลล์ๆ ให้สบายใจไปซะเลย
ที่เป็นแบบนี้เพราะการพูดในหนังนั้น เหมือนกับการพูดในชีวิตประจำวันจริง ซึ่งมีพูดเร็วบ้าง ช้าบ้าง พูดชัดบ้าง งึมงำบ้าง แล้วแต่จังหวะและสถานการณ์ต่างๆ ทำให้เราไม่สามารถจับคำได้ง่ายๆ เหมือนการดูสารคดี ข่าว หรือการเรียนคลาสภาษาอังกฤษที่โรงเรียน ซึ่งผู้พูดจะพูดช้าและชัด เพื่อให้ผู้ฟังสามารถฟังออกได้ง่ายนั่นเอง
แต่ถ้าหากว่า “การพูดอังกฤษเป็น” คือเป้าหมายของคุณ การฝึกจากหนังก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้การพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติได้ และสนุกด้วย ดังนั้น อย่าพึ่งท้อไป วันนี้ พี่ฮูกพี่นำเคล็ดลับการฝึกพูดภาษาอังกฤษจากหนังมาฝาก เพื่อเป็นแนวทางให้คนที่อยากเริ่มต้นฝึกได้เข้าใจ และนำไปปรับใช้จริงได้
แนะนำวิธี “ฝึกพูดภาษาอังกฤษ” จากหนังให้เวิร์ค
1. เริ่มจากการเลือกหนัง | Choose the movies
การเลือกหนัง บางคนอาจจะคิดว่ายากละ แต่จริงๆ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น แค่เลือกหนังแนวที่ชอบดูแล้วกดเปิดไปเลย พี่ฮูกมีข้อแนะนำว่า ควรเลือกหนังแนวยุคปัจจุบันดีกว่าแนวย้อนยุค เพราะอาจกลายเป็นเรียนรู้สำนวนและวิธีการพูดแบบย้อนยุคแทนน่ะสิ ลองนึกภาพฝรั่งฝึกพูดภาษาไทยจากแม่หญิงกาละเกดก็คงแปลกๆ แต่ถ้าชอบแนวย้อนยุคเป็นการส่วนตัว อันนี้พี่ฮูกก็สนับสนุนให้เลือกเลย
2. “ซับไตเติ้ล” เปิดหรือไม่เปิดดี? | Subtitle, on or off?
ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่า ถ้าอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษเก่งจากหนัง ต้องเปิดซับไตเติ้ลหรือไม่เปิด เราต้องประเมินตัวเองดูว่าทักษะการฟังของเราประมาณไหน ถ้าไม่รู้เรื่องเลย ก็สามารถเปิดซับไตเติ้ลภาษาไทย เพื่อช่วยให้เข้าใจความหมายก่อน แต่ระวังอย่าเอาแต่อ่านซับจนลืมฟังล่ะ
แต่ถ้าหากคุณพออ่านภาษาอังกฤษได้ ให้ลองเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษแทน คุณจะพบว่าวิธีนี้ช่วยให้ฟังภาษาอังกฤษออกได้ง่ายขึ้นเลยล่ะ
และหากคุณเริ่มฟังเก่งแล้ว ก็ปิดซับไตเติ้ลไปเลย ลองดูว่าคุณฟังออกได้มากแค่ไหน แล้วคุณจะเริ่มประหลาดใจกับตัวเองเมื่อพบว่า “นี่ฉันฟังเข้าใจได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
สำหรับบางคนอาจจะดูหลายรอบก็ได้ รอบแรกอาจจะเปิดซับไตเติ้ล รอบหลังก็ลองดูแบบไม่เปิดซับ แต่ที่สำคัญคืออย่าฝืนทำอะไรที่ยากเกินไป บางคนคิดว่าต้องฟังโดยที่ไม่มีซับเท่านั้นจึงจะเก่งไว แต่ถ้าคุณฝืนทำสิ่งที่ยาก นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังทำให้ท้อ และคิดว่ายากจนอาจล้มเลิกไปเลยก็ได้นะ
3. จดได้ต้องจด | Take note
คุณจะพบคำและสำนวนใหม่ๆ จากการดูหนัง 1 เรื่องอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งสุดท้ายแล้ว คุณก็จะลืมไปหมดหากไม่ได้มีโอกาสใช้มันจริงๆ การจดโน้ตช่วยให้เราจำได้ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยให้สามารถนำไปฝึกต่อได้ง่าย และหากลืม ก็ยังกลับมาเปิดอ่านทบทวนอีกครั้งได้
4. หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ | Practice regularly
สิ่งหนึ่งที่ผู้ฝึกภาษาอังกฤษทุกคนต้องยอมรับคือ การฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่งนั้น ไม่มีทางลัดหรือสูตรลับตายตัว แต่ต้องใช้เวลา อาศัยความมุ่งมั่นอดทน สม่ำเสมอ ในการฝึก โดยเฉพาะการฝึกจากหนัง ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดี ที่ทำให้เราไม่เบื่อการฝึกภาษาอังกฤษ นอกเหนือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับความอดทนของแต่ละคน ยังไงพี่ฮูกก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ๆ คุณเองก็พูดภาษาอังกฤษเก่งได้
ถ้าดูหนังแล้วชอบมาก อยากเม้าท์หนังเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีใครคุยด้วย ก็มาเม้าท์หนังกับครูเจ้าของภาษากว่า 11,000 คน ที่ Engoo แพลตฟอร์มเรียนพูดภาษาอังกฤษออนไลน์อันดับ 1 ซึ่งมีคลาสเรียน Free Talk ที่ผู้เรียนสามารถเลือกหัวข้อที่สนใจมาฝึกพูดตัวต่อตัวกับครูได้ตลอด 24 ชั่วโมง
แอดไลน์ @engoothailand เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมาย และทดลองเรียนฟรี!
References